top of page
Search
Writer's pictureALPH4BET

THE RELATIONSHIP BETWEEN COLOR AND TEMPERATURE OF STARS


UFABET PRESENT : THE RELATIONSHIP BETWEEN COLOR AND TEMPERATURE OF STARS

 

เพราะเหตุไรดาวแต่ละดวงบนฟ้าก็เลยมีชีวิตชีวาไม่เหมือนกัน ? เป็นปัญหาที่มักพบมากมายในขณะจัดงานกิจกรรมดูดาวที่ทางสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(หน่วยงานมหาชน) จัดขึ้น แต่ว่าโน่นก็นับเป็นจังหวะที่ดีที่นักดาราศาสตร์จะได้ได้โอกาสชี้แจงถึงกลไกที่ทำให้ดาวแต่ละดวงมีชีวิตชีวาที่ต่างกัน ซึ่งสีที่ผิดแผกแตกต่างของดาวแต่ละดวงนั้นจะมีความเกี่ยวพันโดยตรงกับอุณหภูมิที่รอบๆผิวของดาวฤกษ์ เป็นต้นว่าภาพของกรุ๊ปดาวคนล่าสัตว์ ufabet


จากภาพที่ 1 กรุ๊ปดาวคนล่าสัตว์ (Orion) นับว่าเป็นกรุ๊ปดาวที่สวยสะดุดตารวมทั้งสามารถพินิจได้ทั่วทุกมุมโลก ด้วยเหตุว่ากรุ๊ปดาวพรานมีตำแหน่งอยู่ใกล้กับเส้นอีเควเตอร์ฟ้า (Celestial Equator) ด้านในกรุ๊ปดาวพรานนี้มีดาวกาลที่สว่างหลายดวง ซึ่งแต่ละดวงนั้นมีสีที่ไม่เหมือนกัน บ้างเป็นสีส้มแดง บ้างก็เป็นสีนำ้เงิน ด้วยรูปแบบของสีที่ไม่เหมือนกันนี้เองทำให้นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์กำเนิดความข้องใจรวมทั้งหาเรื่องผลมาชี้แจงถึงคำถามดังที่กล่าวถึงแล้ว

สสารทุกประเภทจะมีการแผ่พลังงานออกมาจากตัวมันเองตลอดระยะเวลา ซึ่งค่าพลังงานที่ถูกแผ่ขยายออกมานั้นจะอยู่ในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีหลายตอนความยาวคลื่น เพียงแค่ขอบเขตสำหรับการแลเห็นของผู้คนสามารถแลเห็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แบออกมาจากสสารได้เพียงแต่บางค่าแค่นั้น พวกเราเรียกความยาวคลื่นที่มนุษย์แลเห็นได้ว่า ufabet “แสงสว่างในตอนคลื่นที่ตามนุษย์แลเห็นได้ (Visible light)” ดังภาพที่ 2


ภาพที่ 2 แสดงค่าพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในตอนความยาวคลื่นต่างๆประกอบไปด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นสั้นที่สุดอย่างอนุภาคแกมมาไปจนกระทั่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นยาวที่สุดอย่างคลื่นวิทยุ ufabet จะมองเห็นว่าแสงสว่างในตอนความยาวคลื่นที่ตามนุษย์เห็นได้นั้นเป็นเพียงแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งของพลังงานทั้งหมดทั้งปวงที่ถูกแผ่ขยายออกมาจากผิววัตถุ มีลักษณะเป็นแถบสีที่มีความยาวคลื่นอยู่ในตอน 400 - 700 นาโนเมตร พวกเราเรียกแถบสีดังกล่าวข้างต้นว่า แถบสเปกตรัม ที่เรียงลำดับตั้งแต่ สีม่วง คราม สีน้ำเงิน เขียว เหลืองแสดรวมทั้งแดง โดยสีแต่ละสีนั้นจะมีความยาวคลื่นที่ไม่เหมือนกัน

ดังนี้การที่ตามนุษย์จะเห็นสีต่างๆนั้นจะขึ้นกับอุณหภูมิผิวของวัตถุนั้นๆนักดาราศาสตร์จะใช้แผนภูมิการแผ่รังสีของวัตถุมาชี้แจงความเกี่ยวข้องระหว่างอุณหภูมิรวมทั้งสีที่มนุษย์จะแลเห็น ซึ่งจากการทดสอบพบว่าทรัพย์สินของรังสีที่แบออกมาจากสสารทุกประเภท (ที่อุณหภูมิเสมอกัน) เป็นต้นว่าความถี่ พลังงานรวมทั้งความเข้มจะมีค่าเสมอกันเสมอถ้าเกิดพวกเราทดลองเพิ่มอุณหภูมิให้สูงมากขึ้นอะตอมของสสารก็จะมีการสั่นเยอะขึ้นทำให้ความถี่พลังงานรวมทั้งความเข้มสูงมากขึ้นไปด้วย ในทางตรงกันข้ามถ้าหากลดอุณหภูมิของสสาร ความถี่ พลังงานและก็ความเข้มก็ต่ำลงด้วย โดยเหตุนี้ก็เลยพูดได้ว่าทรัพย์สมบัติการแผ่รังสีของสสารจไม่ขึ้นอยู่กับจำพวกของสสารแต่ว่าจะขึ้นกับอุณหภูมิที่ได้รับเพียงอย่างเดียวแค่นั้น

เพื่อกำเนิดความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับค่าความเกี่ยวข้องระหว่างสีและก็อุณหภูมิผิวของวัตถุได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นนักเขียนขอยกตัวอย่างการทดสอบให้ความร้อนกับวัตถุ โดยการนำก้อนเทกไทต์มาให้ความร้อนเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งจะมองเห็นว่าก้อนเทกไทต์จะเบาๆส่องแสงสีแดงอ่อนๆออกมา ถ้าเกิดพวกเราเพิ่มอุณหภูมิถัดไปเรื่อยแท่งก้อนเทกไทต์จะเบาๆกลายเป็นสีส้ม ufabet สีเหลือง สีขาว สีน้ำเงินรวมทั้งสีม่วง เป็นลำดับของการเพิ่มอุณหภูมิดังภาพที่ 3


จากการทดสอบดังกล่าวมาแล้วข้างต้นนักดาราศาสตร์สามารถวัดค่าพลังงานที่แบออกมาจากผิววัตถุโดยใช้เครื่องไม้เครื่องมือทางฟิสิกส์ที่เรียกว่า เครื่องสเปกโตรมิเตอร์ (Spectrometer) พวกเราจะได้แผนภูมิของการแผ่รังสีความร้อนของผิววัตถุที่มีลักษณะเป็น รูประฆังควำ่ในจุดสุดยอดหรือจุดยอดของระฆังเป็นค่าความยาวคลื่นที่มีความเข้มของการแผ่รังสีสูงสุด ufabet โดยพินิจพิเคราะห์จากภาพตั้งแต่นี้ต่อไป


จากภาพที่ 4 เป็นวัตถุที่ได้รับอุณหภูมิ 3,000 เคลวินวัตถุจะแผ่รังสีที่มีความเข้มสูงสุดมีความยาวคลื่นราว1,100 นาโนเมตร อยู่ในตอนของอินฟาเรดความเข้มของความยาวคลื่นในระยะนี้ตามนุษย์ไม่สามารถที่จะเห็นได้ แต่ว่ารับทราบได้จากความรู้สึกร้อนหรือเย็นเพียงแค่นั้น ในทางตรงกันข้ามแม้ทดลองเพิ่มอุณหภูมิแก่สสารไปเรื่อยขอบของระฆังก็จะเริ่มเลื่อนเข้า(แผนภูมิเบ้ขวา) ufabet หาแสงสว่างในตอนคลื่นที่ตามนุษย์เห็นได้พวกเราจะเริ่มมองเห็นแท่งโลหะเป็นสีแดงอ่อนซึ่งจะมีความยาวคลื่นโดยประมาณ 700 นาโนเมตรเพราะว่าเป็นความยาวคลื่นที่มีความถี่ต่ำสุดที่มนุษย์สามารถแลเห็นได้


เมื่อแท่งโลหะมีอุณหภูมิ 5,500 เคลวิน แท่งโลหะก็จะแผ่รังสีที่มีความยาวคลื่นเข้มสูงสุดอยู่ในตอนความยาวคลื่นโดยประมาณ 580 นาโนเมตร แม้พินิจพิเคราะห์จากแผนภูมิการแผ่รังสีจะพบว่าความยาวคลื่นที่เข้มสุดที่แบออกมานั้นจะอยู่กึ่งกลางของตอนคลื่นที่ตามองมองเห็นได้พอดิบพอดี (รอบๆส่วนที่เป็นสีเหลือง)ในรอบๆนี้แสงสว่างทุกสีจะรวมเข้าด้วยกันเป็นแสงสว่างขาวเหมือนกันกับแสงสว่างที่มาจากพระอาทิตย์ที่เดินทางมายังโลก

แล้วถ้าพวกเราเพิ่มอุณหภูมิถัดไปเรื่อยแผนภูมิรูประฆังคว่ำก็จะเลื่อนไปทางด้านขวา (แผนภูมิเบ้ขวา) เรื่อยนั่นนับได้ว่าค่าความยาวคลื่นเข้มสุดก็จะเลื่อนไปด้านขวาด้วยด้วยเหมือนกัน พวกเราจะเริ่มแลเห็นแท่งโลหะเป็นสีน้ำเงิน ufabet ตอนนี้แท่งโลหะจะแผ่รังสีที่มีความยาวคลื่นอยู่ในตอนราว 400 นาโนเมตร (เป็นความยาวสั้นที่สุดที่ตามนุษย์สามารถแลเห็นได้) จนถึงท้ายที่สุดเมื่อแท่งโลหะมีอุณหภูมิราว 10,000 เคลวิน(ดังภาพที่ 6) จะมองเห็นว่าจุดสุดยอดของระฆังหรือค่าความยาวคลื่นเข้มสุดของการแผ่รังสีจะเขยื้อนเข้าไปอยู่ในตอนที่เป็นรังสีคลื่นสั้น ที่มีความถี่สูงมากมายในระดับที่สายตามนุษย์ไม่อาจจะเห็นได้ โน่นเป็นความยาวคลื่นในตอนรังสียูวี (UV) และก็รังสีเอ็กซ์ (x-ray) เป็นลำดับการเพิ่มอุณหภูมิที่สูงขึ้นด้วย


แม้กระนั้นการปรากฏจริงในชีวิตประจำวันของคนเราพวกเราไม่อาจจะเผชิญสสารที่มีอุณหภูมิสูงในระดับหลายๆพันเคลวิน โลหะต่างๆบนโลกที่เอามาทำทดสอบไม่สามารถที่จะทนไฟที่อุณหภูมิมากยิ่งกว่า 3,500 เคลวิน แล้วก็ถ้าหากได้รับอุณหภูมิมากยิ่งกว่านี้ก็จะมีการหลอมเหลวขึ้น เพราะฉะนั้นก็เลยแทบจะไม่มีจังหวะที่พวกเราจะมองเห็นสสารที่มีอุณหภูมิตั้งแต่ราว 3,500 เคลวิน ขึ้นไปหรือมากยิ่งกว่านั้นเป็นระดับ 10,000 เคลวิน (เว้นแต่โลหะผสมพิเศษที่ทนไฟได้หลายพันเคลวิน) นักดาราศาสตร์ก็เลยใช้ดาวบนฟ้ามากไม่น้อยเลยทีเดียวเป็นห้องแลปขนาดใหญ่ ในการศึกษาวิจัยการกระทำของสสารที่อุณหภูมิสูงๆ

จากการเรียนรู้การแผ่รังสีของดาวบนฟ้าทำให้นักดาราศาสตร์ได้มาซึ่งข้อสรุปเกี่ยวกับความเกี่ยวพันของสีและก็อุณหภูมิผิวของดาวฤกษ์ที่ว่า ค่าพลังงานความยาวคลื่น และก็ความถี่ที่ถูกแบออกมาจากผิวของดาวฤกษ์นั้นจะมีความเข้มสุดอยู่ในตอนคลื่นไหนนั้นขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของตัวดาวเอง แม้กระนั้นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ดาวดวงนั้นมีอุณหภูมิสูงหรือต่ำนั้นเกิดจากมวลของดาว ufabet ถ้าเกิดดาวมีมวลมากมายปฏิกิริยาปรมาณูฟิวชันในศูนย์กลางของดาวก็จะมีความร้ายแรงมากมาย พลังงานความร้อนจากศูนย์กลางก็จะถูกระบายมายังผิวของดาวก็จะมีค่าสูงขึ้นแค่นั้น นอกจากในกรณีของ “ดาวแคระแกร็นขาว(White dwarf)” ซึ่งเป็นดาวมวลน้อยที่ตอนปลายชีวิตของมันกลับมีอุณหภูมิสูงเท่ากันกับดาวฤกษ์มวลมากมายที่มีอุณหภูมิผิวหลายหมื่นเคลวินได้เป็นแบบนี้เหตุเพราะในตอนวาระเกือบจะในที่สุดของดาวเล็กแกร็นขาว สสารหรือเนื้อสารข้างในดาวไม่อาจจะยุบต่อได้ ปฏิกริยาปรมาณูฟิวชันในศูนย์กลางหยุดลงแบบถาวรเนื้อสารพวกนี้จะหลุดกระจัดกระจายออกบริเวณศูนย์กลางที่เปลือยพวกเราเรียกว่า“เนบิวลาดาวพระเคราะห์” ส่วนศูนย์กลางแก้ผ้าแก้ผ่อนนั้นเป็นดาวแคระแกร็นขาวนั่นเอง ตอนนี้มันจะมีอุณหภูมิสูงมากมายเสมอกันอุณหภูมิผิวของดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ จะแผ่รังสีที่มีความเข้มที่สุดอยู่ในตอนรังสีเอ็กซ์รวมทั้งรังสียูวี แต่ว่าควรอย่าลืมว่า ดาวเล็กแกร็นขาวมิได้มีแหล่งพลังงานความร้อนอีกแล้ว ด้วยเหตุผลดังกล่าวมันก็เลยมีอุณหภูมิต่ำลงเรื่อยโดยตลอด ในขณะที่อุณหภูมิต่ำลงนั้น สิ่งที่เกิดขึ้น (พินิจพิเคราะห์จากภาพที่ 4-6)หมายถึงค่าความเข้มสูงสุดก็จะน้อยลงด้วยแผนภูมิการแผ่รังสีความร้อนของมันจะเลื่อนมาด้านซ้าย (แผนภูมิจะเบ้ซ้าย) ไปสู่ตอนที่ตามนุษย์แลเห็นได้จากสีม่วงไปยังสีแดงและก็อินฟาเรด ปัจจุบันนี้พวกเราคงจะจำเป็นต้องแปลงชื่อของแกนแก้ผ้าจากเดิมที่เรียกว่าดาวเล็กแกร็นขาวเป็นดาวแคระแกร็นดำ (Black Dwarf) ที่มีอุณหภูมิต่ำมากมายก่อนจะมืดหายไปในอวกาศชั่วนิรันดร

จากข้อมูลที่กล่าวมาแล้วเป็นเพียงแต่ส่วนใดส่วนหนึ่งของรายละเอียดของประเด็นการแผ่รังสีของดาวฤกษ์ยังมีวัตถุฟ้าอีกเยอะมากหลายประเภทที่แผ่รังสีออกมา แล้วสายตามนุษย์ไม่อาจจะเห็นได้บางทีก็อาจจะใช้เครื่องที่ใช้ในด้านที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์จำพวกอื่นที่มีความนำสมัยสำหรับในการตรวจค่าพลังงานที่ถูกแบออกมา ufabet อาทิเช่น กล้องส่องทางไกลวิทยุ เครื่องวัดนิวตรอน กล้องส่องทางไกลที่สังเกตการณ์ในเขตอินฟาเรดฯลฯ ดังนี้คนอ่านสามารถหาข้อมูลแล้วก็ศึกษาต่อได้จากหนังสือดาราศาสตร์ทั่วๆไปที่มีอยู่ในตลาด รวมทั้งจากบทความที่ข้าราชการสารสนเทศดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(หน่วยงานมหาชน) ufabet ได้เรียบเรียงข้อมูลเอาไว้โดยผู้เรียบเรียงจะใส่ลิงค์ข้อมูลกลุ่มนี้เอาไว้ในแหล่งอ้างอิงเพื่อเป็นแถวทางในการเรียนข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้

 

1 view0 comments

Comments


bottom of page